อุกกาบาต ชนิด หิน เหล็ก และ เหล็กปนหิน ส่วนใหญ่ ที่พบเป็นอุกกาบาต ชนิดหิน ก้อนใหญ่ที่สุดในโลก ชื่อ จีหลิง (Jiling) ตกที่อำเภอจีหลิง ประเทศจีน เมื่อ 8 มีนาคม 2519 หนักเกือบ 2,000 กิโลกรัม ส่วนอุกกาบาตชนิดเหล็ก ก้อนใหญ่สุดที่ค้นพบคือ โฮบา เวสท์ (Hoba West) ปริมาตรราว 9 ลูกบาศก์เมตร หนักประมาณ 66 ตันตกกลางป่า ในอัฟริกาตะวันออกเฉียงใต้
วัตถุนอกโลก (meteoloid) มีโอกาสหลุดเข้ามาในชั้นบรรยากาศของโลกได้มากทีเดียว (meteor) ส่วนใหญ่จะลุกไหม้เป็นไฟมีทางยาวที่เรียกกันว่าผีพุ่งไต้ (shooting star)มักจะลุกไหม้จนหมดก่อนถึงผิวโลกและพบว่ามีเปอร์เซนต์ถึงผิวโลกได้น้อย นับเป็นสิ่งที่ดีที่โลกของเรามีชั้นบรรยายคอยปกป้องวัตถุนอกโลก บนดวงจันทร์ ดาวอังคาร หรือดาวดวงอื่นๆที่ไม่มีชั้นบรรยากาศ พื้นผิวจะเป็นหลุมเป็นบ่อด้วยการกระแทกของอุกาบาตนี้ นอกจากนี้แล้ว อุกาบาตที่หล่นลงบนผิวโลก ส่วนใหญ่หล่นลงทะเล (พื้นที่น้ำทะเลประมาณ 2 ใน 3 ของพื้นผิวโลก) นอกจากนี้อาจตกลงในป่า หรือสถานที่อื่นใดที่ห่างไกลจากชุมชน โอกาสที่มนุษย์จะได้เห็นอุกาบาตหล่นต่อหน้าต่อตาจึงถือว่าน้อย
ดาวตกหรืออุกกาบาตนั้น คือ วัตถุที่ถูกแรงดึงดูดของโลกดูดเข้ามา ขณะที่วัตถุนั้นกำลังตกลงมายังพื้นโลกจะเกิดการเสียดสีบรรยากาศของโลกทำให้มีความร้อนสูง เราจึงเห็นดาวตกสว่างและมีหาง ขณะที่วัตถุนั้นยังตกลงมาไม่ถึงพื้นโลก เราจะเรียกวัตถุนั้นว่า "ดาวตก" โดยมากแล้วดาวตกขนาดเล็กจะเสียดสีกับบรรยากาศจนระเหยไปหมดก่อนที่จะถึงพื้นโลก แต่ในกรณีที่ดาวตกมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะระเหยไปหมด เราจะเรียกดาวตกที่ตกลงมาถึงพื้นโลกว่าอุกกกาบาต นักวิทยาศาสตร์ประมาณว่า จะมีอุกกาบาตตกลงมาถึงพื้นโลกวันละ 1,000 – 10,000 ตัน อย่างไรก็ตาม อุกกาบาตเหล่านี้ส่วนมากเป็นอุกกาบาตขนาดจิ๋ว ไม่ทำให้เกิดการกระแทกอย่างรุนแรงแต่อย่างใด ที่มาของดาวตกและอุกกาบาตยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่คาดกันว่าน่าจะมาจากภายในระบบสุริยะมากกว่าวัตถุภายนอกระบบสุริยะ จากการศึกษาองค์ประกอบของอุกกาบาต นักวิทยาศาสตร์คาดว่า อุกกาบาตอาจมาจากดาวเคราะห์น้อย ดาวหาง หรือแม้แต่ดาวอังคารขรุขระ
ชนิดของอุกกาบาต
1.อุกกาบาตที่เป็นหินล้วน(stony meteorite)
2.อุกกาบาตที่เป็นหินผสมโลหะ(stony-iron meteorite)
3.อุกกาบาตที่เป็นโลหะล้วน(iron meteorite)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น